วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยถึงจุดอ่อนของโค้ชคนไทย ที่มักจะชอบทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว และไม่ค่อยแลกเปลี่ยนความรู้กัน
ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกมาให้สัมภาษณ์หลังจากที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลได้เซ็นสัญญาร่วมกับ เอ็คโคโน ในการพัฒนาระบบฟุตบอลตั้งแต่เยาวชน จนถูก อดีตเอดโค้ชทีมชาติไทยอย่าง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือคนเก่าออกมาพาดพิงว่าตนเองเป็นเพียงเสือกระดาษที่ไม่มีอำนาจใดๆ ซึ่งโค้ชเฮงได้ออกมาตอบโต้ว่า
“เรื่องเสือกระดาษไม่จริงเลยครับ เพราะเราต้องรู้ความสำคัญกับตำแหน่งประธานเทคนิคก่อน อย่างเอ็คโคโนมา เขาก็รู้ว่าตำแหน่งผมมีความสำคัญอย่างไรและที่สำคัญคือการทำงานทุกครั้ง นายกจะให้ปรึกษาผมตลอดเวลา แม้กระทั่งการตอบสัมภาษณ์โค้ช บอกตรงๆว่าบิ๊กเนมทั้งนั้นเลยและเขาก็ให้ความเคารพตำแหน่งนี้อยู่แล้ว” โค้ชเฮงเปิดใจผ่านช่อง เนชั่น ทีวี
“ในเรื่องเยาวชนผมก็มีโครงสร้างของผม แต่เราไม่ค่อยจะยอมรับความสามารถของคนไทยด้วยกัน อันนี้ผมบอกตรงๆว่าในเมื่อเราไม่ยอมรับกัน เราก็ต้องหาโค้ชจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่ง เอ็คโคโน เข้ามาก็เหมือนวางแนวทางทั้งหมดอยู่แล้ว”
“ผมบอกโค้ชในบ้านเราว่าทุกคนมีความสามารถ แต่เราไม่สามารถเติบโตเป็นโค้ชอาชีพเพราะบ้านเรายังล้าหลังอยู่ เราไม่มีความศรัทธาในกันและกัน ซึ่งอันนี้คือจุดอ่อนของบ้านเรา”
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงจุดอ่อนของกุนซือชาวไทยที่มักจะไม่ชอบพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความรู้กัน
“ในฐานะที่ผมเป็นประธานเทคนิค ผมบอกตรงๆว่าโค้ชทุกคนต้องมาพูดคุยกับผมด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กัน แต่โค้ชคนไทยเหมือนน้ำเต็มแก้ว ไม่ค่อยจะคุยกันครับ นั่นคือจุดอ่อนบ้านเรา”
“ที่ผ่านมาเราให้สิทธิ์แต่ละคนทำทีม แต่ต้องรายงานด้วย แต่บอลบ้านเราเหมือนแข่งเสร็จก็เสร็จไปเลย ไม่มีการรายงานว่าแพ้เพราะอะไร ชนะเพราะอะไร การรายงานเป็นสิ่งที่เรานำไปพัฒนาได้ แต่โค้ชแต่ละคนไม่สนใจเท่าที่ควร”
รวมไปถึงยังได้เปิดใจถึงการดึงบริษัท เอ็คโคโน่ เข้ามาทำหน้าที่ช่วยพัฒนาระบบเยาวชนว่า
“จริงๆผมอยากจะเข้ามาวางระบบในเยาวชน แต่ที่เลือก เอ็คโคโน่ เข้ามาเพราะถ้าผมวางคนเดียวท่านนายกบอกว่าไม่มีใครฟังผมหรอก ดังนั้นเอ็คโคโน เข้ามาซึ่งมีแนวทางเดียวกันผมก็ไม่ขัดข้อง เป็นโครงสร้างที่ถูกต้องอยู่แล้ว”
“ระหว่างที่เขาทำงานผมก็เป็นคนหนึ่งที่คอยตรวจสอบ ถ้าไม่ตรวจสอบผลสุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ซึ่งตรงนี้เป็นการทำงานของผมร่วมกับ เอ็คโคโน อยู่แล้วครับ”