เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหน้าผู้ฝีกสอนทีมชาติไทย ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุในการลาออกจากตำแหน่ง กุนซือทีมชาติไทย โดยยอมรับว่าไม่ได้ทำทีมได้ตามที่แฟนบอลต้องการได้ และคิดว่าตัวเองคือตัวปัญญา
แม้ว่าเพิ่งจะทำการต่อสัญญากับสมาคมฟุตบอลออกไป แต่หลังจากที่พาทีมกลับจากประเทศญี่ปุ่นด้วยความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ 4-0 ทำให้ทีมาติไทยตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ในรอบ 12 ทีมอย่างเป็นทางการ ทำให้ “โค้ชซิโก้” ตัดสินใจประกาศลาออก ผ่านอินตราแกรมซึ่งมีผลสิ้นสุดอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ( 3 เมษายน) หลังจากที่ได้ส่งหนังสือให้แก่สมาคมอย่างเป็นทางการและสมาคมได้ประกาศซึ่งหลังจากสิ้นสุดหน้าที่แล้วซิโก้ได้เดินมาให้สัมภาษณ์สื่อเปิดใจหลังลาออกจากตำแหน่ง
“วันที่ 31 มี.ค. ผมตัดสินใจลาออกเพื่อให้สมาคมฯ ได้เดินต่อ เพราะเราประเมินแล้วคิดว่าเราเป็นตัวปัญหา คิดว่าทำทีมชาติไม่ได้ดั่งใจที่แฟนบอลต้องการ ก็ต้องขอโทษทุกคนที่ไม่สามารถพาทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกได้ เพราะความต้องการที่สูงเกินไป มันไปต่อยาก เลยลาออกเพื่อเปิดทางให้คนอื่น ทั้งที่จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ไม่มีความคิดว่าจะลาออกเลย เนื่องจากผูกพันธ์กับทีมชาติมาร่วม 20 ปี จึงไม่ง่ายที่ลาออก แต่ก็ตัดสินใจแล้วและคิดว่าตัดสินใจถูกด้วย” อดีตเฮดโค้ชช้างศึกกล่าวเริ่ม
“เรื่องความกดดันจริงๆ แล้วไม่มีเลย เพราะทีมชาติไทยไม่สามารถชนะได้ตลอดเวลา ฟุตบอลมีแพ้ มีเสมอ ด้วย แต่ในความคิดผมที่ประเมินด้วยตัวเอง เราชนะตลอด คือชนะใจแฟนบอล จากตอนแรกที่เข้ามาคุมทีมมีแฟนบอลแค่ 200-300 คน ซึ่งบางคนติดทีมชาติครั้งแรก ชื่อเสียงก็โนเนม แต่เราปลูกฝังให้มีน้ำใจนักกีฬา ไม่เกเร ไม่โอ้อวด สิ่งเหล่านี้เราชนะหมด แต่วันนี้แฟนบอล ผู้บริหาร ไม่คิดเหมือนเรา คิดถึงผลการแข่งขันอย่างเดียว”
“ผมมีมีเป้าหมายในแต่ละปี จะเอาแชมป์อะไรบ้าง ในอาเซียนเราได้แชมป์หมด แต่ฟุตบอลโลกเราไม่ได้มาเล่นบ่อยๆ ซึ่งทุกคนอยากไปฟุตบอลโลก แต่วันนี้ทุกคนลืมว่าตัวเองเป็นใคร พอลืมปุ๊ปก็ไม่ฟังใครเลย อยากด่าใครด่าเลย ตัวผมเองไม่มีปัญหาเพราะไม่สนใจโซเชี่ยลอยู่แล้ว โดยแต่ก่อนไม่มีใครอยากมาเล่นทีมชาติ เพราะกลัวโดนด่า แต่มาวันนี้ทุกคนมีความรักสามัคคีกัน ทว่าวันนี้ทุกคนมองเป็นความพ่ายแพ้ ผมเลยรับไม่ได้ ลาออกดีกว่า ซึ่งถ้าเราจะไปฟุตบอลโลกต้องไปกันทั้งหมด ล้มก็ล้มกันหมด แต่วันนี้เวลาล้มมันไม่มีใครเลย เรื่องอะไรจะไปต่อ เลยตัดสินใจลาออก”
“เรื่องตัวผู้เล่น ผมคุยกับสต๊าฟฟ์โค้ชตลอด แต่ถ้าฟังโซเชี่ยลที่ส่งแผนการเล่นมาให้ผมเป็นหมื่นๆ แผน ก็ไม่ต้องทำอะไร ซึ่งวันนี้แชมป์ซีเกมส์ แชมป์อาเซียน ไม่ได้ง่าย ใครคิดว่าง่ายลองมาทำดู ส่วนเวทีเอเชียก็เป็นเวทีใหญ่ แต่ทุกวันนี้นักเตะทุกคนไม่กลัวใคร”
นอกจากนี้ยังพูดถึงนักเตะในชุดนี้ว่าเป็นผลงานของ นายกสมาคมคนเก่าอย่าง วรวีร์ มะกูดี ว่า
“นักฟุตบอลพวกนี้คาบเกี่ยวชุดเก่าสมัยคุณวรวีร์ เด็กชุดนี้เราไม่ได้สร้าง แต่เรากำลังกินบุญเก่าอยู่ ซึ่งผมบอกนายกสมาคมฯ ว่าต้องรีบสร้างรุ่นใหม่ และนายกฯ ก็กำลังสร้าง ส่วนชุดใหญ่เดี๋ยวช่วยดูให้ ผมลากกระแส ศรัทธาไปให้ ไม่ต้องทำอะไร ซี่งปี 2019 เราได้ไปเอเชี่ยนคัพ รอบสุดท้าย แล้ว โดยที่สมาคมฯ ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเด็กชุดนี้ทำไว้ให้แล้ว แต่สิ่งที่สมาคมฯ จะต้องทำหลังจากนี้คืออะไรมากกว่า ทว่าผมก็ยังไม่เห็นสิ่งที่คุณกำลังจะทำเลย ยิ่งได้พูดคุยกับโค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล หลังกลับจากญี่ปุ่น ทางสมาคมฯ ตั้ง บ.เอคโคโน่ฯ มาดูแลเยาวชน ส่วนพี่เฮงเป็นประธานเทคนิค แสดงว่าพี่เฮงคือเสือกระดาษ เพราะไม่มีอำนาจอะไรเลยในเยาวชน ผมเลยมีความรู้สึกว่าบอลไทยไปต่อไม่ได้”