ฟุตบอลไทย TRB FEATURE

CLASH OF TITANS : 7 กุนซืออรหันต์แห่งโตโยต้าไทยลีก 2017

ธชตวัน ศรีปาน (ไทย)  –  เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

ยอดกุนซือระดับโลกอาทิ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า,  อันโตนีโอ คอนเต้ หรือ คาร์โล อันเชล็อตติ ล้วนแต่เป็นยอดกองกลางในยุคสมัยของตัวเองทั้งนั้น เช่นกันกับ ธชตวัน ศรีปาน หรือในชื่อเดิม ตะวัน ศรีปาน ก็เคยเป็นสุดยอดกองกลางของทึมชาติไทย ที่ลงเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, วรวุธ ศระมะฆะ และ ดุสิต เฉลิมแสน ที่ตอนนี้ต่างก็ผันตัวมารับบทกุนซือกันหมดแล้ว

เส้นทาง ?

“โค้ชแบน” เริ่มต้นเส้นทางกุนซือในบทบาทโค้ชแอนท์เพลย์เยอร์ เมื่อได้รับความไว้วางใจจาก บีอีซี เทโร ศาสน ที่ทำการปลด  คริสตอฟ ลาร์รูห์  แล้วดันดาวเตะที่มีดีกรี ซีไลเซนส์ จากสมัยที่ค้าแข้งในสิงคโปร์กับเซมบาวัง ขึ้นมาคุมทีม และในปีแรกทุกๆอย่างเหมือนจะไปได้สวย เมื่อสามารถพาทีมจบอันดับท็อปโฟร์ และยังเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอคัพ แต่พ่ายท่าเรือไปในการดวลจุดโทษ แต่ในปีที่สองทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่คาด เพราะผลงานไม่ดีอย่างที่หวังสุดท้ายก็โบกมือลาจากกันไป

และกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับทีมบ้านเกิดอย่างสระบุรี เอฟซี และสามารถใช้เวลา 4  ปีพาทีมจากดิวิชั่น 2 ด้วยงบประมาณที่จำกัดเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดอย่างไทยลีกได้ และยังทำให้ทีมสามารถเล่นฟุตบอลอย่างสวยงามได้ แม้ว่าจะไม่มีดาวดังอยู่ในทีม แต่เมื่อขึ้นมาเล่นไทยลีก ที่มีแต่ทีมเขี้ยวลากดินทำให้ ผลงานของ สระบุรี เอฟซี ย่ำแย่ 6 เกมแรก เก็บได้แค่ 1 คะแนนเท่านั้น สุดท้ายโค้ชแบนต้องถอยออกมาเพื่อเปิดทางให้กับคนอื่น และเป็น “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ กุลบวรวัลนดิลก ที่พาทีมหนีตกชั้นได้อย่างเหลือเชื่อแต่ก็ไม่ได้ไปต่อเพราะมีปัญหาทางด้านการเงิน

แน่นอนด้วยผลงานที่ผ่านมาทำให้หลายทีมต้องการได้ตัวไปคุมทัพให้ แต่สุดท้ายโค้ชแบนเลือกมาอยู่กับ เพื่อนตำรวจ ที่เพิ่งจะร่วงตกชั้นมาเล่นในลีกพระรอง และแน่นอนว่าเป้าหมายเดียวคือการพาทีมเลื่อนชั้นกลับไปสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง และ ธชตวัน  ก็ไม่ทำให้บอร์ดบริการผิดหวังเมื่อพาทีมโกยแต้มนำห่าง พัทยา ยูไนเต็ด คว้าโควตา แบบแทบไม่ต้องลุ้น

และยังพาทีมเอาชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฟุตบอลลีกคัพรอบ 32 ทีมลงได้อีก ส่วนฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพก็เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ทีมก็ไม่ได้ไปต่อเพราะ “เสี่ยบิ๊ก” สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ประธานสโมสรก็เพิ่งจะโดนจับกุมในคดีร่วมกันฉ้อโกงเงินกว่า 2 พันล้านบาท จนทำให้ทีมต้องพักการแข่งขัน และปล่อยนักเตะออกจากทีมรวมไปถึงกุนซือด้วย

เป็นอีกครั้งที่โค้ชแบนมีข่าวกับหลายทีมแต่สุดท้าย กลายเป็น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด บิ๊กทีมของไทยที่ร้างจากการคว้าแชมป์ไทยลีกมานานถึง 3 ปี ถือเป็นช่วงไร้แชมป์ที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา แน่นอนว่าความกดดันย่อมถาโถมเข้ามาใส่อย่างช่วยไม่ได้

ผลงาน ?

การพาทีมอย่าง บีอีซี เทโร ศาสนจบอันดับท็อปโฟร์ตั้งแต่การเทิร์นโปรปีแรกและยังเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอคัพ แต่พ่ายท่าเรือไปในการดวลจุดโทษ

รวมไปถึงการปั้นทีมเล็กๆอย่าง สระบุรี เอฟซี จากดิวิชั่น 2 ให้ก้าวขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้ รวมไปถึงการที่พา เพื่อนตำรวจ เลื่อนชั้นขึ้นมาแบบไร้คู่แข่งด้วยการโกยคะแนนสุดโหด รวมไปถึงการพา เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ตั้งแต่การเข้ามาคุมทีมเป็นสมัยแรกคงยืนยันฝีมือของกุนซือมาดนิ่งคนนี้ไดเป็นอย่างดี

แม้ว่า ก่อนหน้านี้โค้ชแบนยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการคุมทีมระดับลุ้นแชมป์ไทยลีกมาก่อน แต่ด้วยฝีไม้ลายมือ และความเข้าใจในศาสตร์นักเตะ โค้ชแบนสามารถบริหารจัดการนักเตะ ยอดฝีมือของไทยลีกที่รวบรวมไว้ในทีมให้มีผลงานอย่างลงตัว และทำให้ทีมกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งถือเป็นดีกรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาเคยได้รับในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน

ยุทธศาสตร์ ?

ด้วยสมัยที่ลงค้าแข้ง โค้ชแบน คือนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าเล่นบอลได้ฉลาด และสวยงาม ไม่แปลกเมื่อเขาเข้ามาคุมทีม บุลลิกของทีม จะเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่สมัยที่คุมทีม สระบุรี เอฟซี แล้ว จนมาถึงการคุมทีมอย่าง เมืองทอง ที่มักจะชอบใช้ระบบแผงหลัง 4 คน และใช้แบ็กทั้งสองข้างเติมเกมรุก และระบบที่เรามักจะได้เห็นบ่อยๆคือ 4-3-3 แต่ในปีนี้ทีม กิเลนผยองอาจจะต้องปรับสมดุลใหม่ เพราะคีย์แมนหลักอย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ นั้นถูกปล่อยไปให้ เชียงราย ยูไนเต็ด แล้ว ต้องติดตามว่าระบบจะเขียนแปลงไปตามสภาพนักเตะคือไหน หรือจะใช้ผู้เล่นใหม่ หรือนักเตะที่มีในทีมมาทดแทน และต้องไม่ลืมว่าในเลกที่ 2 พวกเขาจะเสีย ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่จะไปค้าแข้งในเจลีก แน่นอนแล้ว

ก่อนโรมรัน

การเป็นแชมป์ว่าง่ายแล้ว การป้องกันแชมป์ เป็นอะไรที่ยากกว่า วลีอมตะที่อยู่คู่กับวงการกีฬามาอย่างยาวนาน และในปีนี้ โค้ชแบนจะได้คุมทีมที่มีอาร์มสีทองสัญลักษณ์ของแชมเปี้ยนส์ลงเล่นด้วยเป้าหมายคือการป้องกันแชมป์ กับการต้องเสียคีย์แมนอย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ไป พร้อมๆกับที่หลายทีมในลีก ทุ่มงบเสริมทัพกันอย่างน่ากลัว ปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายที่สุดในอาชีพของสุภาพบุรุษลูกหนังรายนี้