เอเชีย ฟุตบอลญี่ปุ่น

THE JOURNEY CHANATHIP : ชนาธิปประเดิมเหยียบหญ้าซัปโปโรโดม

เชื่อว่าแฟนบอลรุ่นอายุใกล้เคียงกับผมที่ในช่วงฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ร่วมจับมือเป็นเจ้าภาพกัน ต่างมีความทรงจำกับสนาม ซัปโปโร โดม ในเกมที่ ทีมชาติอังกฤษ ล้างแค้น อาร์เจนติน่า ที่เคยเขี่ยพวกเขาร่วง ฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส และเดวิด เบ็คแฮม เป็นแพะรับบาปเพราะไปเสียท่า ก่อนที่จะมาได้ล้างแค้นในอีก 4 ปีต่อมา เมื่อเป็นคนยิงจุดโทษ เป็นประตูชัยให้ทีมสิงโตคำราม เอาชนะ เกมนั้นไป แม้จะเป็นแค่รอบแรก แต่ก็ทำให้ ขุนพลฟ้าขาวต้องกลับไปก่อน ส่วนอังกฤษไปจอดป้ายในรอบ 8 ทีม พร้อมกับมีแพะรับบาปคนใหม่คือ เดวิด ซีแมน นี่คือความทรงจำแรกกับสนามแห่งนี้

และหลังจากที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้มาร่วมซ้อมกับทีมได้ซักระยะเกือบๆ 1 สัปดาห์ ก็ได้มีโอกาสได้ลงซ้อมที่สนาม ซัปโปโรโดม รังเหย้าของทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ซึ่งสนามเหย้าแห่งนี้สามารถจุแฟนบอลได้ราวๆ 41,000 คน และสามารถเปลี่ยนสนามหญ้าทางด้านในเอาไว้รองรับการจัดการแข่งขัน เบสบอล ที่พวกเขาจอยสนามกับ นิปปอน แฮม ไฟท์เตอร์ ทีมเบสบอลยักษ์ใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นแชมป์ เจแปนซีรี่ย์ เมื่อปีที่ผ่านมา รวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆได้

ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม ในวันพุธที่ 28 มิถุนายน ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะกลับมาที่สนามแห่งนี้อีกครั้ง เมื่อชมเกมในบ้าน ที่ทีมจะลงเล่นในศึก ลูวานคัพ ที่จะพบกับ เซเรโซ โอซาก้า ทีมแกร่งจากแดนใต้ ซึ่งผมคงได้เล่าบรรยากาศในวันที่ ซัปโปโร โดมเต็มไปด้วยแฟนบอล รวมไปถึงวิธีการเดินทางอย่างละเอียดอีกครั้ง

ส่วนช่วงบ่ายๆของวันนี้ ผมได้มีโอกาสขยับขยายออกไปเมืองอื่นๆใน ฮอกไกโด บ้างหลังจากที่ได้รู้จักกับ ซัปโปโร มาพอสังเขปแล้ว ซึ่งเมืองที่ผมเลือกที่จะไปทำความรู้จักให้มากขึ้นในวันนี้คือ โอตารุ (Otaru) หลังจากที่สะดุดตากับป้ายโฆษณาการท่องเที่ยวของเมืองที่เลือกเอาคลอง โอตารุ โปรโมทอยู่หลายวัน และตัดสินใจว่าจะต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้

ซึ่งเมือง โอตารุ นั้นเป็นเมืองเล็กๆที่ติดทะเลอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ ซัปโปโร และอยู่ห่างไปประมาณ 55 นาที ด้วยรถไฟ ซึ่งน่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด ในตอนนี้แล้ว

และเมื่อทำความรู้จักมักคุ้นกับการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นมาพอประมาณ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคลำทางไปคนเดียว ถ้าหากใครที่กำลังอ่านและมีความคิดเหมือนๆผมว่าจะเดินทางไป โอตารุ อยากแนะนำว่า อย่าหลับเวลาที่นั่งรถไฟ โดยเฉพาะตอนที่ใกล้จะถึงเมือง เพราะขบวนรถไฟจะวิ่งขนานไปกับ ท้องทะเล และเมื่อมองผ่านกระจกในรถไฟบานใหญ่ๆ ทำให้เราได้เห็นวิวทะเลแบบ พาโนรามา แบบเต็มๆสองตา เรียกว่าสวยตั้งแต่ยังไม่ทันจะลงจากรถ

เมื่อมาถึงสถานี โอตารุ ที่เป็นสถานีเล็กๆ ที่เหมาะสมกับขนาดของเมือง และเมื่อมองไปทางด้านหลังของสถานีรถไฟ จะเห็นเนินสกี ที่สูงชัน จินตนาการว่า ช่วงหน้าหนาวที่หิมะหล่นลงมาปกคลุม เมืองแห่งนี้คงได้ต้อนรับนักสกีจากทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงประเทศต่างๆอีกมากมาย

ในส่วนของพระเอกของวันนี้อย่าง คลองโอตารุ ก็ไม่ได้หาตัวยากเลย เมื่อหันหลังให้กับสถานีรถไฟแล้วเดินไปอีกแค่ 600 เมตรคลองโอตารุก็จะวางอยู่ข้างหน้าแล้ว

ระหว่างทางเราจะเห็นว่าเมือง โอตารุ เป็นเมืองเล็กๆที่ดูอบอุ่นเรายังจะเห็น มีตึกแบบเก่าของญี่ปุ่นปะปนอยู่กับบ้านเมืองที่ไม่ได้ดูทันสมัยแตกต่างกับ ซัปโปโร อย่างเห็นได้ชัด

ด้วยอากาศที่เย็นสบาย แค่ไม่กี่นาที คลองโอตารุ ก็มาอยู่เต็มสองตาแล้ว ถือว่าสวยงามไม่แพ้ในโปสเตอร์ แม้ว่าผมจะไปถึงในช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์กำลังทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามลดลงไป

ซึ่งคลองโอตารุ แห่งนี้มีบริการล่องเรือชมความงามของคลองด้วย สนนราคาประมาณ 1,500 เยน ในตอนกลางวัน และ 1,800 เยนในตอนกลางคืนที่แสงน่าจะงดงามกว่า ส่วนตัวผมเลือกเดินทางเลียบคลอง ที่มีสินค้าที่ระลึกมาวางขายให้เห็นบ้าง รวมไปถึงบริการถ่ายภาพ และวาดภาพเหมือนคล้ายๆกับที่บ้านเรา

จุดหมายต่อไปคือที่ถนนช้อปปิ้งคาซาอิมาจิโดริ ถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารคาวหวาน และของที่ระลึก ทุกๆอย่าง ของเมืองมารวมเอาไว้ที่นี่ เรียกว่ามาครบและจบในที่เดียว

และแน่นอนว่าเมืองท่าแห่งนี้ จะขาดไปไม่ได้เลยคืออาหารทะเล โดยเฉพาะอาหารที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอย่าง ซูชิ และ ซาซิมิ ต่างๆทั้งหลาย น่าจะมีร้านให้เลือกใช้บริการอยู่หลายสิบร้าน อาจจะดูเหมือนว่าเป็นข้อดี ที่ตัวเลือกเยอะ แต่ข้อเสียอย่างนักท่องเที่ยวหน้าใหม่แบบเรา คือไม่รู้ว่าร้านไหนอร่อย ว่าแล้วก็เลยลองเดาสุ่มดูซักร้าน และก็ได้กินซูซิในแบบที่มีเชฟมาปั้นให้กินต่อหน้า

สำหรับวันที่ผมไปเป็นช่วงหน้าร้อนอากาศประมาณ 19-21 องศาถือว่าสบายๆ สำหรับทุกคนเลยได้เห็นนักท่องเที่ยวมากมาย แต่เดินในเมืองอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่เจอคนไทยเลย แต่คะเนจากสายตาแล้ว ดูเหมือนนักท่องเที่ยวจากเกาหลีจะนิยมเมืองนี้เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ได้ชมสาวเกาหลีเป็นของแถม และรองจากนั้นคือนักท่องเที่ยวจากจีน

แต่ในอนาคต เมื่อซัปโปโร เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแฟนบอลที่จะเดินทางมาติดตามเชียร์ชนาธิป เมืองโอตารุ แห่งนี้จะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากไทยเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน

ส่วนผมเมื่ออิ่มทั้งใจ และอิ่มท้องกับอาหารก็คงต้องขอตัวกลับ และเมืองก็ได้ส่งทัศนียภาพของท้องทะเลมาส่งท้ายก่อนที่ขบวนรถไฟจะเคลื่อนพ้นตัวเมืองมุ่งหน้ามายังเมืองซัปโปโร เมืองที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮอกไกโด เพื่อเดินทางกลับที่พักต่อไป

ส่วนตัวผมมีภารกิจติดตามการฝึกซ้อมของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ รวมไปถึงการเดินทางไปยังซัปโปโร โดม เพื่อชมเกม ลูวานคัพ ที่ เซเรโซ โอซาก้า จะมาเยือน คอนซาโดเล ซัปโปโร อีกครั้งถึงตอนนั้นคงได้พูดถึงการเล่นในรังเหย้าของทีมนกเค้าจากเมืองเหนือให้มากกว่านี้อีกครั้ง สำหรับวันนี้สวัสดีครับ