มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่คนใหม่ได้เปิดใจต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในการงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ณ ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ได้จัดการแถลงข่าวเปิดตัว มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย เข้ามาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วย ซรัน ยานโควิช ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน และ ซาช่า โทดิช โค้ชผู้รักษาประตู อย่างเป็นทางการต่อหน้าสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจอย่างคับคั่ง ถึงการเปิดตัวของ อดีตกุนซือที่เคยพาทีมชาติกานา ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 2010
“สวัสดีครับ (พูดทักทายเป็นภาษาไทย)” ราเยวัช เอ่ยคำแรกต่อหน้าสื่อมวลชน
หลังจากทักทายกับสื่อมวลชนของไทยกุนซือชาวเซอร์เบียพูดถึงสไตล์การเล่นต่อจากนี้
“ยังไม่ได้มีการวิเคราะห์ในเรื่องนี้ ตอนนี้อาจเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเราจะเล่นแผนอะไร เราต้องประเมินหลายๆอย่าง ต้องเจอกับตัวนักเตะ รวมทีมกันก่อน แต่ความคาดหวังตอนนี้นักเตะต้องสามารถเล่นได้หลากหลายแผนการเล่น ผมเชื่อว่านักเตะมีความสามารถทางเทคนิคอยู่แล้ว และผมเชื่อว่าทุกคนจะปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่น หรือแผนต่างๆได้ดีครับ”
“ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ถูกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยแต่งตั้ง ฟุตบอลในประเทศไทยสามารถพัฒนาไปได้อีก ผมคิดว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่สำคัญมากของประเทศ ผมมั่นใจว่าผมเป็นส่วนหนึ่งที่พัฒนาฟุตบอลที่นี่ได้”
“ผมอยากพัฒนาความสามารถของทีม รวมถึงผลการแข่งขันในอีก 3 เกมที่เหลือ เราต้องการแสดงให้เห็นว่าทีมชาติไทยแข่งขันกับชาติยักษ์ใหญ่ได้ดีมากขึ้น มันสำคัญมากๆในอีก 3 เกมสุดท้ายแม้เราจะไม่มีลุ้นผ่านเข้ารอบแล้ว”
“ผมทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ทั้งตัวผู้เล่นและรูปเกมในปีที่ผ่านมา แต่อย่างที่บอกผมต้องเจอกับนักเตะก่อน เราต้องเรียนรู้กันและกัน รู้จักกันมากขึ้น และไม่ใช่แค่ผมต้องรู้จักแต่นักเตะไทย ผมต้องรู้จักคู่แข่งด้วย ซึ่งผมก็เริ่มศึกษาแล้วเพราะผมมีประสบการณ์ในเอเชียเช่นกัน”
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของผู้เล่นของไทยที่ได้ศึกษามา
“ผมเห็นว่าผู้เล่นไทยแสดงออกถึงการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบ และผมเห็นถึงพรสวรรค์ผู้เล่นไทยเยอะมาก เทคนิคอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ที่ผ่านมาผู้เล่นไทยมักเล่นเกมรุก เราต้องรัดกุมกว่านี้ เราเสียประตูค่อนข้างเยอะ ซึ่งที่ผ่านมาผมทำทีมไม่เสียประตูเท่าไหร่ แน่อนนว่าผมต้องการพัฒนาแท็คติคให้ดีขึ้น รวมถึงผลลัพธ์ที่ต้องดีขึ้นไปด้วย”
และยังทิ้งท้ายถึงเป้าหมายที่สำคัญในการทำหน้าที่กุนซือของทีมช้างศึก
“ผมมีประสบการณ์พาทีมไปเล่นบอลโลกมาแล้ว แต่การไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายมันต้องใช้เวลา ความใจเย็น ความทุ่มเทไม่ใช่เฉพาะแค่ผู้เล่น แต่จากทุกๆคน ส่วนตัวผมเชื่อว่า ถ้าเราทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ได้รับการส่งเสริมจากทุกฝ่าย สำคัญที่สุดคือแฟนบอล ผมก็เชื่อว่าเราจะไปถึงจุดนั้นได้ ผมหวังว่าเราจะทำได้สำเร็จในเวิลด์คัพที่กาตาร์ (2022)”
“คำถามนี้ผมเคยถูกถามที่กานามาแล้ว ว่ากานาจะได้ไปบอลโลกหรือไม่ ซึ่งผมก็บอกว่าเราจะทำเต็มที่ ผมเชื่อว่าเราทำได้ ถ้าเรามีความเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด ทั้งในตัวของทีมงาน ,สื่อ และ แฟนอบล สำคัญที่สุดเราต้องเป็นครอบครัวเดียวกัน เข้าใจกัน ผมย้ำอีกรอบว่าผมจะทำเต็มความสามารถ”
“แต่เราก็ต้องเข้าใจในความเป็นจริงว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหน ต้องทำงานกันอย่างหนักในทุกๆฝ่าย ความคาดหวังเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่เราก็ต้องเข้าใจความเป็นจริงด้วย ความฝันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมี ผมหวังว่าเราจะทำความฝันให้เป็นจริงด้วย ผมเชื่อว่าถ้าเราทำงานกันเป็นทีมเดียว ผมว่าความฝันไม่ไกลเกินเอื้อม”
สำหรับ มิโลวาน ราเยวัช เคยนำ ทีมชาติกานาผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกไปจนถึงสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบลึกที่สุดในเวิลด์คัพครั้งนั้นด้วยการเป็น 8 ทีมสุดท้าย ก่อนพ่ายจุดโทษให้กับ ทีมชาติอุรุกวัย ที่สำคัญเขายังมีประสบการณ์ทำงานในเอเชียกับสโมสร อัล อาห์ลี และ ทีมชาติกาตาร์ รวมถึงยังมีดีกรีเป็นโค้ชยอดเยี่ยมแห่งทวีปแอฟริกา และ โค้ชยอดยอดเยี่ยมสมาคมฟุตบอลเซอร์เบีย และจะประเดิมคุมทีมชาติไทยเกมแรกในการบุกไปอุ่นเครื่องกับ อุซเบกิสถาน ในวันที่ 6 มิถุนายน